ประวัติอุเซน โบลต์ นักวิ่งฉายา “เจ้าสายฟ้าแลบ” (Athlete Profile: Usain Bolt-Sprinter)
อุเซน โบลต์ ทำให้แฟนๆ กีฬาต้องทึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่ง ปี 2008 เมื่อเขาทำสถิติโลกได้ถึง 3 รายการด้วยกัน
เกิดในประเทศจาเมกาในปี 1986 อุเซน โบลต์ (Usain Bolt) เป็นนักวิ่งระยะสั้นที่ทำลายสถิติมาแล้วนับไม่ถ้วนตลอดอาชีพนักวิ่งของเขา เขาเริ่มวิ่งมาตั้งแต่ 10 ขวบ และมีความสนใจด้านกีฬามาตั้งแต่ตอนนั้น
“ผม เล่นฟุตบอลไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ก็มีเล่นคริกเก็ตอยู่บ้าง แต่พ่อแม่เห็นผมวิ่งเลยส่งเสริมให้ผมจริงจังกับกีฬาลู่ลาน (track and field) มากกว่า ผมเลยเอาดีทางนี้แทนที่จะไปเล่นคริกเก็ตครับ”
โบลต์เข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี ในตอนนั้นร่างกายของเขาดูโดดเด่นเหนือนักกีฬาคนอื่น เพราะด้วยอายุเพียง 15 ปี โบลต์ก็สูงถึง 6 ฟุต 5 นิ้ว (ประมาณ 198 เซนติเมตร) แล้ว
โบลต์ เก็บชัยชนะในการแข่งขันระดับเยาวชนมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามตลอดเส้นทางการเป็นนักวิ่ง เขาก็มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังอยู่เนืองๆ นอกจากนี้ การใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงและการไม่ค่อยยอมฝึกซ้อมอย่างจริงจังทำให้บางคนมอง ว่าเขาเป็นนักกีฬาที่ขี้เกียจ
ถึง แม้เขาจะพึ่งพาพรสวรรค์ที่มีมาแต่เกิดเพื่อคว้าชัยชนะอยู่มาก แต่ปี 2005 ทัศนคติของนักวิ่งคนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป เขามุ่งมั่นที่จะลบคำสบประมาทต่างๆ ที่ผู้วิพากษ์วิจารณ์เคยกล่าวเอาไว้
ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน เมื่อปี 2008 ณ กรุงปักกิ่ง โบลต์ได้ทำสถิติที่ดีที่สุดของเขาไว้ ทั้งในการแข่งขันวิ่งระยะสั้น 100 และ 200 เมตร สถิติการวิ่ง 100 เมตรใน 9.69 วินาทีของเขา เป็นการวิ่งที่เร็วที่สุดเท่าที่มีการบันทึกในการวิ่งประเภทนี้คาด กันว่า เขาอาจทำเวลาได้ดีกว่านี้อีก หากเขาไม่ได้ผ่อนความเร็วลงในช่วงท้ายของการแข่งขัน ส่วนเหรียญทองที่ 3 ของเขาในกรุงปักกิ่ง นั้นได้มาจากการแข่งขันวิ่ง 4 คูณ 100 เมตร
ตั้งแต่การทำสถิติของ คาร์ล ลูวิส ในโอลิมปิกปี 1984 อุเซน โบลต์ กลายมาเป็นนักกีฬาชายคนแรกหลังจากนั้นที่กวาดเหรียญทองในการแข่งขันวิ่งทั้ง 3 รายการ ในโอลิมปิกครั้งเดียวกัน และ ความสำเร็จในการแข่งขันโอลิมปิก ทำให้เขาได้รับรางวัล Order of Distinction จากประเทศจาเมกา และได้รับเลือกเป็นนักกีฬาแห่งปีประจำปี 2008 จากการโหวตของสื่อมวลชนรอบโลก
เรามาดู 5 เหตุผลที่ทำให้เจ้าของฉายา “มนุษย์สายฟ้า” ผู้นี้วิ่งได้เร็วที่สุดในโลกกัน
1. มีพื้นฐานทางสรีระที่ดี ชาวผิวสีมีปัจจัยทางร่างกายหลายส่วนที่ส่งผลดีต่อการวิ่ง ดังนี้
- มีตำแหน่งสะดือที่สูงกว่าคนทั่วไป 3 ซ.ม. มีผลต่อจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย ทำให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น
- ช่วงขานั้นยาวกว่านักวิ่งทั่วไป 15%
แต่มีน้ำหนักเบากว่า 12% ทำให้สับขาได้เร็วและก้าวขาได้ไกล เห็นได้ชัดจาก
โบลต์ ที่มีความสูงถึง 6 ฟุต 5 นิ้ว(195 ซม.) สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยในระยะ
100 เมตร ด้วยการวิ่งเพียง 41 ก้าว(2.4 เมตร/ก้าว)
ในขณะที่นักวิ่งคนอื่นต้องวิ่งถึง 44 ก้าว (2.27 เมตร/ก้าว)
- มวลกระดูกมีความหนาแน่นมาก ส่ง
ผลดีในการรองรับน้ำหนักขณะกระแทก
ซึ่งขณะวิ่งกระดูกเท้าต้องรองรับน้ำหนักมากกว่า 5 เท่าของน้ำหนักตัว
และยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทนทาน
- มีเม็ดเลือดมากกว่าคนทั่วไป (คนทั่วไปมี 270 ล้านโมเลกุล) ร่างกายจึงสร้างอ็อกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น
2. รักษาสมดุลร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม โบลต์
สามารถควบคุมท่าทางการเคลื่อนไหวได้ดีในทุกส่วนของร่างกาย
มีความสัมพันธ์กันชนิดที่ไม่มีความผิดพลาดแม้แต่ก้าวเดียว
ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการเชื่อมต่อระหว่างสมองและกล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างลงตัว
3. มีการฝึกฝนที่เข้มข้น โบลต์เก็บตัวฝึกซ้อมหนัก 6 เดือนก่อนการแข่งขัน ฝึกการออกตัว ทรงตัว วิ่งทางตรง-ทางโค้ง โดยมี “เกลน มิลส์” โค้ช
คู่ใจเป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ยังเข้าฟิตเนสเสริมสร้างกล้ามเนื้ออยู่เสมอ
โดยเข้าฟิตเนส 3 ครั้ง/สัปดาห์ แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง
โดยเน้นไปที่กล้ามเนื้อหน้าท้องและต้นขาหน้า-หลัง
4. โภชนาการช่วยในการให้พลังงาน โบลต์
ฝึกซ้อมที่เมืองคิงส์ตัน ประเทศจาไมก้า ที่นั่นมีพ่อครัวประจำแคมป์
เขาจึงได้รับประทานอาหารที่ดีมุกมื้อ โดยเน้นไปที่อาหารจำพวกคาร์โบรไฮเดรต
โดยเฉพาะ นักเก็ตไก่ ปลา มันเทศ ซึ่งหาง่ายในจาไมก้า
แต่ถ้าต้องแข่งต่างประเทศและหาอาหารยาก บ่อยครั้งก็จะลงเอยที่
เบอร์เกอร์คิงส์ หรือ แมคโนดัล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น